ปัญหาโรคอ้วนและน้ำหนักเกิน เป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่นำไปสู่โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) หลายชนิด เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ การปรับพฤติกรรมเรื่องการกินอาหารและการออกกำลังกายยังคงเป็นแนวทางหลักในการลดน้ำหนัก อย่างไรก็ตาม สำหรับบางราย วิธีดังกล่าวอาจได้ผลไม่ทันใจ หรือไม่สามารถควบคุมน้ำหนักได้อย่างที่ตั้งใจ ปัจจุบันจึงมีการพัฒนา “ยาฉีด” เพื่อช่วยลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ หนึ่งในนั้นคือ “ยาฉีดควบคุมความหิว” หรือ “ปากกาลดน้ำหนัก”
บทความนี้จะอธิบายว่า ปากกาลดน้ำหนัก คืออะไร มีกลไกการทำงานอย่างไร มีประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักได้จริงหรือไม่ รวมถึงมีข้อเสียและข้อควรระวังในการใช้อะไรบ้าง
ยาฉีดควบคุมความหิว คืออะไร?
“ยาฉีดควบคุมความหิว” เป็นยาในกลุ่ม GLP-1 Receptor Agonist (Glucagon-Like Peptide-1) ที่ถูกพัฒนามาเพื่อใช้ในการรักษาโรคเบาหวานในผู้ป่วยที่ไม่สามารถทนต่อการรักษาด้วยยาลดระดับน้ำตาลด้วยยากินได้ กลไกทำงานของยาฉีดควบคุมความหิวนั้นจะไปจับกับตัวรับ (GLP-1 Receptor) ในตับอ่อนและสมองส่งผลให้เกิดการชะลอการเคลื่อนตัวของอาหารในกระเพาะอาหาร ลดการหลั่งฮอร์โมน Glucagon และเพิ่มการทำงานของฮอร์โมน Insulin ในร่างกาย ผลของยาควบคุมความหิวจะช่วยซึ่งทำหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ควบคุมความหิว และช่วยให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น
ยาฉีดคุมหิวที่อนุมัติให้ใช้ในปัจจุบัน ได้แก่:
- Liraglutide
- Semaglutide
- Dulaglutide
- Tirzepatide
ยาเหล่านี้จะมาในรูปแบบ ปากกาสำหรับฉีดใต้ผิวหนัง (Pre-filled Pen) ทำให้สามารถใช้ยาฉีดควบคุมความหิวได้เองที่บ้าน โดยความถี่ของการใช้ยานั้นขึ้นอยู่กับชนิดของยาฉีดควบคุมความหิวซึ่งมีทั้งแบบที่ฉีดทุกวันและฉีดสัปดาห์ละครั้ง
กลไกการทำงานของยาฉีดควบคุมความหิว
ยากลุ่ม GLP-1 Receptor Agonist จะออกฤทธิ์โดย:
- กระตุ้นสมองส่วนที่ควบคุมความอยากอาหาร ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วและนานขึ้น
- ชะลอการเคลื่อนตัวของอาหารในกระเพาะอาหาร ลดการหิวบ่อย
- เพิ่มการหลั่งอินซูลิน (ในผู้ที่มีระดับน้ำตาลสูง) และลดการหลั่งกลูคากอน ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
- มีผลต่อการเผาผลาญไขมันในร่างกาย เมื่อใช้ร่วมกับการควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย
ยาฉีดควบคุมความหิวช่วยลดน้ำหนักได้จริงหรือไม่?
มีหลักฐานงานวิจัยสนับสนุนว่าปากกาคุมหิวนี้สามารถช่วยลดน้ำหนักได้จริง เช่น
การวิจัยแบบการวิเคราะห์อภิมาน (Meta-analysis) จาก 8 งานวิจัย ซึ่งรวมผู้เข้าร่วมจำนวน 4,567 คน ผลการวิจัยพบว่า ยาฉีด Semaglutide มีประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักได้อย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับยาหลอก (placebo)
ค่าน้ำหนักตัวเฉลี่ยลดลง 10.09% (ช่วงความเชื่อมั่น 95%: -11.84 ถึง -8.33, p < 0.00001)
ดัชนีมวลกาย (BMI) ลดลงเฉลี่ย 3.71 กก./ม²
รอบเอวลดลงเฉลี่ย 8.28 เซนติเมตร
นอกจากนี้ ผู้ใช้ยา Semaglutide ยังมีโอกาส ลดน้ำหนักได้มากกว่า 5%, 10%, 15% และ 20% ในสัดส่วนที่สูงกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับยา
ยาดังกล่าวยังส่งผลดีต่อค่าความดันโลหิต โปรตีนอักเสบ (C-reactive protein) และระดับไขมันในเลือด อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ใช้ยาอาจมี ผลข้างเคียงมากกว่ากลุ่มควบคุม โดยเฉพาะอาการทางระบบทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน และท้องอืด
ผลการศึกษานี้มีความเชื่อถือได้สูงและแสดงให้เห็นว่า ผลลัพธ์ของยา Semaglutide ขึ้นอยู่กับขนาดยาที่ใช้ (dose-dependence) [1]
ทั้งนี้ ประสิทธิภาพจะดีที่สุดเมื่อใช้ควบคู่กับการปรับพฤติกรรมการกินและการออกกำลังกาย ไม่ใช่พึ่งพายาเพียงอย่างเดียว
ใครเหมาะกับยาฉีดควบคุมความหิว
ตามแนวทางของ องค์การอาหารและยา (อย.) ประเทศไทย และแนวทางสากล ผู้ที่เหมาะกับการใช้ปากกาคุมหิว ได้แก่:
- ผู้ที่มี BMI ≥ 30 kg/m² (โรคอ้วน)
- ผู้ที่มี BMI ≥ 27 kg/m² ร่วมกับภาวะเสี่ยงอื่น เช่น เบาหวานชนิดที่ 2 ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง
- ผู้ที่ลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นไม่สำเร็จ และมีความพร้อมจะปรับพฤติกรรมร่วมกับการใช้ยา
ผู้ป่วย ต้องได้รับการประเมินโดยแพทย์ก่อนใช้ยา เพราะอาจมีข้อจำกัดหรือภาวะแทรกซ้อนในคนบางกลุ่ม
ผลข้างเคียงและข้อควรระวัง
ผลข้างเคียงที่พบบ่อยในช่วงแรกของการใช้ปากกาคุมหิว ได้แก่:
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ท้องอืด ปวดท้อง ท้องผูก
- อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร
โดยอาการมักเกิดช่วงเริ่มต้นใช้ยาและจะค่อยๆ ดีขึ้นเมื่อร่างกายปรับตัว
ข้อควรระวัง:
- หลีกเลี่ยงในหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- ผู้ที่มีประวัติตับอ่อนอักเสบ, เนื้องอกต่อมไทรอยด์ หรือมีโรคตับบางชนิด
ควรติดตามการทำงานของตับและไตระหว่างใช้ยาด้วย
ยาฉีดควบคุมความหิว – ทางเลือกสำหรับการควบคุมน้ำหนัก
ยาฉีดควบคุมความหิวเป็นเครื่องมือเสริมที่มีงานวิจัยรองรับในการลดน้ำหนัก โดยเหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะอ้วน หรือเสี่ยงจากโรคเรื้อรัง การใช้ยาจะมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อควบคู่กับการปรับพฤติกรรมการกินอาหารและออกกำลังกาย และควรได้รับการติดตามอย่างต่อเนื่องจากบุคลากรทางการแพทย์
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับปากกาควบคุมความหิว (Q&A)
Q: ยาฉีดควบคุมความหิวเหมาะกับทุกคนหรือไม่?
A: ไม่เสมอไป แม้ว่าผู้หญิงจะใช้ได้ แต่ควรพิจารณาเป็นรายบุคคล โดยเฉพาะในผู้ที่มีภาวะตั้งครรภ์ กำลังวางแผนมีบุตร หรือให้นมบุตร ห้ามใช้โดยเด็ดขาด และควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มใช้
Q: เลิกใช้ยาฉีดควบคุมความหิวแล้วจะกลับมาอ้วนไหม?
A: มีความเป็นไปได้ หากหยุดใช้ยาโดยไม่ปรับพฤติกรรมด้านโภชนาการและการออกกำลังกาย เพราะยาฉีดควบคุมหิวช่วย “ควบคุมความหิว” ชั่วคราว หากพฤติกรรมเดิมกลับมา น้ำหนักอาจเพิ่มขึ้นอีก จึงควรใช้เป็น ตัวช่วยสนับสนุน ไม่ใช่พึ่งพายาฉีดควบคุมหิวเพียงอย่างเดียว
Q: ยาฉีดควบคุมความหิวทำงานเร็วแค่ไหน?
A: โดยทั่วไปเริ่มเห็นผลในช่วง 2–4 สัปดาห์แรก ขึ้นอยู่กับชนิดของยาและขนาดที่ใช้ แต่การลดน้ำหนักอย่างเห็นได้ชัดมักใช้เวลา 8–12 สัปดาห์ขึ้นไป โดยต้องใช้อย่างสม่ำเสมอและควบคู่กับการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย
Q: ต้องฉีดยาฉีดควบคุมความหิวตลอดชีวิตหรือไม่?
A: ไม่จำเป็นต้องใช้ตลอดชีวิต โดยทั่วไปแพทย์จะประเมินเป็นรอบ เช่น 3–6 เดือน แล้วติดตามผล หากน้ำหนักลดถึงเป้าหมาย และผู้ป่วยสามารถควบคุมพฤติกรรมการกินได้เอง อาจหยุดใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์
อ้างอิง
[1] https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/36188627/