PSK Clinic คลินิกสุขภาพทางเพศ บริการตรวจรักษาและให้คำปรึกษา

บริการตรวจไวรัสตับอักเสบซี ที่ psk clinic

ตรวจไวรัสตับอักเสบซี

เลือกอ่านตามหัวข้อ

บริการตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบซี พร้อมแนวทางการรักษาที่ถูกวิธี

ไวรัสตับอักเสบซีคืออะไร?

ไวรัสตับอักเสบซีเป็นหนึ่งในไวรัสที่ก่อให้เกิดภาวะตับอักเสบเรื้อรัง ซึ่งสามารถพบการติดเชื้อได้ในทุกเพศทุกวัย อาการทั่วไปของผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีระยะเฉียบพลัน จะมีไข้สูง ตัวเหลืองตาเหลือง ร่วมกับมีค่าการทำงานของตับที่สูงมากกว่าปกติ โดยหลังจากที่ติดเชื้อในระยะเฉียบพลัน ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีจะสามารถดำเนินโรคไปสู่ระยะเรื้อรังได้

นอกจากนี้เชื้อไวรัสตับอักเสบซียังเป็นสารก่อมะเร็งตับ

หากผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องจนเข้าสู่ระยะเรื้อรัง ภายใน 10 ปีหลังจากที่มีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี เชื้อไวรัสยังสามารถดำเนินโรคไปเป็นมะเร็งตับได้อีกด้วย

โรคไวรัสตับอักเสบซีสามารถติดต่อได้จากทางไหนบ้าง?

ผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีสามารถรับเชื้อได้จากสาเหตุดังนี้
  • การใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้ที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบซี
  • เด็กแรกเกิดติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีจากมารดาที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี
  • การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักในกลุ่มของชายรักชายอีกด้วย

ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีจะมีอาการอย่างไร?

หลังจากที่ได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบซีแล้ว ระยะฟักตัวเฉลี่ยของเชื้อไวรัสตับอักเสบซีจะใช้เวลา 2-12 สัปดาห์ก่อนที่จะมีอาการของโรคไวรัสตับอักเสบซี ซึ่งแบ่งได้เป็น 2 ระยะ คือ
  1. ระยะเฉียบพลัน
    อาการของโรคไวรัสตับอักเสบซีในระยะเฉียบพลันที่พบได้บ่อย ได้แก่ ไข้สูง อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง ถ่ายเหลว ปัสสาวะสีดำเข้ม อุจจาระสีเทา ปวดข้อ และตัวเหลืองตาเหลือง
  2. ระยะเรื้อรัง
    ประมาณ 70% ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีในระยะเฉียบพลันจะสามารถดำเนินโรคเป็นโรคไวรัสตับอักเสบซีในระยะเรื้อรังได้ ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีระยะเรื้อรังส่วนใหญ่มักจะไม่แสดงอาการ หรืออาจมีอาการที่ไม่เฉพาะต่อโรค เช่น อาการอ่อนเพลียเรื้อรัง พบภาวะซึมเศร้า หรือมีภาวะค่าการทำงานตัวสูงผิดปกติเรื้อรังได้ นอกจากนี้ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีในระยะเรื้อรังสามารถมีการดำเนินโรคไปเป็น โรคตับแข็ง โรคมะเร็งตับ ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่ทำให้ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีเสียชีวิตได้

การตรวจคัดกรองการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีสามารถตรวจด้วยวิธีการใดบ้าง?

การตรวจคัดกรองโรคไวรัสตับอักเสบซี สามารถทำได้ด้วยการตรวจหา Anti-HCV ในเลือดเบื้องต้น โดยหากพบว่าผลการตรวจ Anti-HCV เป็นผลบวก PSK Clinic แนะนำให้ผู้ป่วยตรวจ HCV-Viral load ร่วมด้วยหลังจากตรวจพบว่า Anti-HCV ให้ผลบวกประมาณ 6 เดือน เพื่อดูปริมาณเชื้อไวรัสตับอักเสบซีในเลือดว่ายังตรวจพบหรือไม่ ซึ่งหากพบปริมาณเชื้อไวรัสตับอักเสบซีในเลือด จึงหมายความว่าผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีนั้นมีการดำเนินโรคเข้าสู่ระยะเรื้อรังแล้ว

บริการตรวจคัดกรองโรคไวรัสตับอักเสบซีที่ PSK Clinic

PSK Clinic จะใช้การตรวจจากเลือดเป็นหลัก โดยตรวจหาภูมิของการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี Anti-HCV

ขั้นตอนการเตรียมตัว

  1. เข้าพบแพทย์เพื่อทำการปรึกษาและวินิจฉัย เพื่อรับทราบขั้นตอนและวิธีการตรวจรักษา
  2. แพทย์จะให้เก็บปัสสาวะเพื่อส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ โดยขั้นตอนทั้งหมดจะใช้เวลาเพียง 15-20 นาที
  3. ท่านจะทราบผลภายใน 45 นาทีหลังจากที่เจาะเลือด

คำถามที่พบบ่อย Frequent Ask Question (FAQs)

ไวรัสตับอักเสบซีมีอาการอย่างไร?

อาการที่เกิดขึ้นในระยะแรกของการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี (Hepatitis C) มักจะไม่รุนแรงหรือบางครั้งอาจไม่แสดงอาการเลย หากมีก็อาจเป็นอาการเบื้องต้นที่ไม่น่าสงสัยว่าเกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี เช่น ระยะเฉียบพลัน (Acute Hepatitis C) จะมีอาการ อ่อนเพลีย, มีไข้, ปวดท้องท้องอืด, ปัสสาวะเข้ม เป็นต้น ซึ่งต้องควรระวังว่าโรคไวรัสตับอักเสบซีมักพัฒนาเป็นระยะเรื้อรังได้ โดยอาจใช้เวลานานกว่า 6 เดือน ถึง 10 ปี จึงแสดงความรุนแรงของอาการ ดังนั้นการตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบซีจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้รู้ว่าผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีหรือไม่ และช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่เหมาะสมในเวลาอันรวดเร็ว

ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซีส่วนใหญ่มักไม่ทราบว่าตนเองเป็นโรคเนื่องจากไม่มีอาการ ส่งผลให้ผู้ป่วยปล่อยทิ้งโรคไวรัสตับอักเสบซีทิ้งไว้ จนกลายเป็นโรคตับอักเสบซีในระยะเรื้อรัง จนกระทั่งพัฒนาสู่โรคตับแข็ง ซึ่งอาจใช้เวลานานถึง 6 เดือน ถึง 10 ปี ทำให้ผู้ป่วยบางรายเข้าพบแพทย์เมื่อตนเองเข้าสู่ระยะสุดท้ายของโรคตับแข็งแล้ว

ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสได้รับเชื้อ ได้แก่ ผู้ที่มีประวัติได้รับเลือด เกร็ดเลือด หรือส่วนประกอบของเลือดก่อนปี พ.ศ. 2533 ผู้ที่เคยมีประวัติในการรับเลือดหรือเกร็ดเลือดจากกรณีเจ็บป่วย ได้รับการผ่าตัด หรือสูญเสียเลือดมาก กลุ่มผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง ผู้ที่เคยใช้ยาเสพติดชนิดฉีด ผู้ที่รับบริการสักตามร่างกาย และผู้ที่มีนิสัยเปลี่ยนคู่นอนบ่อย

ขั้นตอนการตรวจวินิจฉัยการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ทำโดยการตรวจเลือดหา Anti-HCV หากผลตรวจเป็นบวก แพทย์จะพิจารณาส่งตรวจการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีโดยตรง เช่น การตรวจดูปริมาณไวรัสและสายพันธุ์ไวรัส โดยการตรวจนี้จะช่วยในการรักษาและการจัดการกับโรคได้อย่างเหมาะสม

หลังจากการตรวจเลือด แพทย์อาจพิจารณาส่งตรวจอัลตราซาวด์ตับด้วยเครื่องไฟโบรสแกน (Fibroscan) เพื่อตรวจเพิ่มเติมเกี่ยวกับสภาพตับ และการประเมินภาวะตับแข็ง โดยการอัลตราซาวด์ตับนี้ช่วยในการวินิจฉัยพังผืดในตับ ไขมันพอกตับ รวมถึงภาวะตับแข็ง ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการวินิจฉัย และวางแผนการรักษาขั้นต่อไปในผู้ป่วยที่เสี่ยงหรือเป็นโรคไวรัสตับอักเสบซี