PSK Clinic คลินิกสุขภาพทางเพศ บริการตรวจรักษาและให้คำปรึกษา

ตรวจและจ่ายยาเป๊ป ยาเพร็พ ยาpep ยาprep

ยาเพร็พและเป๊ป

เลือกอ่านตามหัวข้อ

ยาเพร็พ (PrEP)

ยาเพร็พ (PrEP) กินเพื่อป้องกันก่อนสัมผัสเชื้อเอชไอวี

ยาเพร็พ (PrEP) คืออะไร?

ยาเพร็พ (PrEP) เป็นยาต้านไวรัสที่นำมาใช้ในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีก่อนที่จะมีความเสี่ยงจากการมีเพศสัมพันธ์ เช่น การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ใช้ถุงยางอนามัย หรือถุงยางขาด หลุดรั่ว ซึ่งยาเพร็พมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีสูงถึง 99%

ยาเพร็พ (PrEP) เหมาะสำหรับใคร?

  • ผู้ต้องการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี กินก่อนมีเพศสัมพันธ์ สามารถใช้ได้กับทุกเพศที่ยังมีเพศสัมพันธ์อยู่
  • ผู้ที่มีแนวโน้มไม่ใช้ถุงยางอนามัยระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ 
  • ผู้ที่ทำงานที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชไอวี เช่น ชายหรือหญิงที่ให้บริการทางเพศ

วิธีการใช้ยาเพร็พมีกี่แบบ?

ยาเพร็พที่ใช้ในปัจจุบันเป็นยาต้านไวรัสชนิดเม็ดรวมที่ประกอบด้วยตัวยา 2 ชนิดคือ Tenofovir Disoproxil Fumarate (TDF) และ Emtricitabine (FTC)

วิธีการกินยาเพร็พนั้นมี 2 วิธี ได้แก่ 

ยาเพร็พแบบกินทุกวัน (Daily PrEP)

  • ทุกเพศสามารถทานได้
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สามารถวางแผนการมีเพศสัมพันธ์ล่วงหน้าได้ เช่น ผู้ที่ให้บริการทางเพศ
  • มีประสิทธิภาพสูงสุดหลังจากเริ่มกินยาเพร็พไปแล้ว 7 วัน ป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีได้ถึง 99.9%
  • กินยาวันละ 1 เม็ด เวลาเดิมทุกวัน

ยาเพร็พแบบกินเฉพาะเวลาที่จะมีเพศสัมพันธ์ (On-Demand PrEP)

  • สามารถใช้ได้เฉพาะเพศชาย
  • ไม่ต้องกินทุกวันเหมือน Daily PrEP
  • กินแบบ 2-1-1 คือ กินยาเพร็พ 2 เม็ด ก่อนมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 2 ชั่วโมง และหลังจากที่มีเพศสัมพันธ์เสร็จเรียบร้อย ให้กินยาพร็พต่ออีก 2 วัน วันละ 1 เม็ดที่เวลาเดิม
  • ป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี 97-99%

ก่อนเริ่มยาเพร็พมีขั้นตอนอะไรบ้าง?

ผู้ที่ต้องการรับยาเพร็พ (PrEP) ต้องตรวจเลือดเพื่อดูความพร้อมในการรับยาเพร็พ โดยจะต้องตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวี ตรวจหาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และตรวจค่าการทำงานของไตก่อนที่จะรับยาเพร็พในครั้งแรก หากมีผลการตรวจที่ผิดปกติ เช่น พบว่ามีการติดเชื้อเอชไอวี พบว่ามีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี หรือค่าการทำงานไตที่ลดลงมาก จะไม่สามารถใช้ยาเพร็พได้

ยาเพร็พมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?

อาการคลื่นไส้เล็กน้อยในช่วงแรกที่เริ่มยาเพร็พ (PrEP) โดยอาการจะดีขึ้นหลังจากที่กินยาไปแล้ว 3-5 วัน

ยาเป๊ป (PEP)

ยาเป๊ป (PEP) ยาต้านฉุกเฉิน กินหลังการสัมผัสเชื้อเอชไอวี

ยาเป๊ป (PEP) คืออะไร?

ยาเป๊ป (Post-Exposure Prophylaxis: PEP) หรือ ยาต้านฉุกเฉิน คือ ยาต้านไวรัสที่ใช้ในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีหลังจากที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี เช่น การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ใช้ถุงยางอนามัย ถุงยางอนามัยฉีกขาด หลุดรั่ว การถูกเข็มฉีดยาตำระหว่างปฏิบัติงาน หรือการถูกล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งยาเป๊ป (PEP) สามารถป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีหลังจากที่มีความเสี่ยงได้สูงถึง 84-89%

ระยะเวลาที่ควรรับยาเป๊ป (PEP)

ช่วงเวลาในการรับยาเป๊ปคือ ภายใน 72 ชั่วโมง หลังจากที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี แต่จะดีที่สุดคือ ภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี 

ก่อนเริ่มยาเป๊ป (PEP) มีขั้นตอนอะไรบ้าง?

ผู้ที่สามารถรับยาเป๊ป (PEP) ต้องเป็นผู้ที่มีผลตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวี (Anti-HIV) เป็นลบ ในกรณีที่ผลตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวีเป็นบวกจะไม่สามารถรับยาเป๊ปเพื่อป้องกันการติด้เชื้อเอชไอวีได้

ยาเป๊ป (PEP) มีกี่สูตร?

ปัจจุบันยาเป๊ป (PEP) มีหลายสูตร แต่ละสูตรมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีเท่ากัน แตกต่างกันที่ผลข้างเคียง ซึ่งส่งผลต่อการกินยาให้ครบ 28 วัน กล่าวคือ ถ้าผู้ที่ได้รับผลข้างเคียงมากจากการกินยาเป๊ป (PEP) จะทำให้ไม่สามารถกินยาได้ครบตามกำหนด ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีลดลง

สูตรยาเป๊ปที่มีผลข้างเคียงน้อย ได้แก่

  1. KOCITAF ประกอบด้วยตัวยา 3 ชนิดคือ Tenofovir Alafenamide Fumarate (TAF), Emtricitabine (FTC) และ Dolutegravir (DTG) 
  2. BIKTAVY ประกอบด้วยตัวยา 3 ชนิดคือ Tenofovir Alafenamide Fumarate (TAF), Emtricitabine (FTC) และ Bictegravir (BIC)

ยาเป๊ปทั้ง 2 ชนิด ส่งผลต่อการทำงานของไตและตับน้อยมาก และไม่จำเป็นต้องกินพร้อมอาหาร หรือกินตอนท้องว่างเหมือนสูตรยาอื่น

ผลข้างเคียงของยาเป๊ป (PEP)

ผลข้างเคียงที่สามารถเกิดขึ้นได้จากการกินยาเป๊ป

  • อาการคลื่นไส้อาเจียน
  • ปวดศีรษะ
  • มึนศีรษะ
  • นอนไม่หลับ

อาการส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในช่วง 3-5 วันแรกหลังจากเริ่มกินยา และจะหายไปภายใน 7 วัน ซึ่งผลข้างเคียงของยาเป๊ปจะเกิดมากหรือน้อยขึ้นกับสูตรของยาเป๊ป (PEP)

วิธีการกินยาเป๊ป (PEP)

กินวันละ 1 เม็ด ระยะเวลา 28 วัน

หลังจากกินยาเป๊ป (PEP) ครบแล้วควรทำอย่างไร?

หลังจากที่กินยาเป๊ปครบ 28 วัน แนะนำให้ตรวจคัดกรองหาการติดเชื้อ HIV (Anti-HIV) 2 ครั้ง ได้แก่ หลังจากที่กินยาเป๊ปครบ 28 วัน และหลังที่มีความเสี่ยงครบ 3 เดือน ช่วงที่กินยาเป๊ปไม่แนะนำให้ตรวจคัดกรองหาการติดเชื้อ HIV เพราะอาจเกิดผลเป็นลบ ซึ่งเป็นผลลวงได้

ช่วงที่กินยาเป๊ป (PEP) สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้หรือไม่?

ผู้ที่กินยาเป๊ปยังสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ตามปกติ แต่แนะนำให้ใช้ถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์ทุกครั้ง เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อให้คนอื่นในช่วงที่กินยาเป๊ป

บริการพิเศษ สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกเดินทางมาคลินิก

Delivery PEP/PreP

บริการจัดส่งยาเพร็พ (PrEP)/ยาเป็ป (PEP)

1 ชุด ประกอบไปด้วย

  • ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตัวเอง 1 ชุด
  • ยาเพร็พ (PrEP) หรือ ยาเป็ป (PEP) 1 กระปุก

หมายเหตุ: แพทย์จะเป็นผู้ประเมินความเสี่ยงก่อนจัดส่งทุกครั้ง

ปรึกษาแพทย์เพื่อรับยา

Line: @pskclinic

Tel: 095-049-4142

คำถามที่พบบ่อย Frequent Ask Question (FAQs)

ยาเพร็พ (PrEP) เหมาะกับใคร?

ยาเป๊ป PrEP หรือ Pre-Exposure Prophylaxis เหมาะสำหรับกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรมที่ทำให้มีความเสี่ยงติดเชื้อเอชไอวีสูง

  • ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย

โดยเฉพาะผู้ที่เป็นฝ่ายรับทางทวารหนัก

  • ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อเอชไอวี 

การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่อยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวีโดยไม่สวมถุงยางอนามัยป้องกัน ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี

  • ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน

การมีคู่นอนหลายคนเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี เนื่องจากมีโอกาสที่จะได้รับเชื้อมากขึ้น

  • ผู้ที่ทำงานด้านบริการทางเพศ 

ผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการให้บริการทางเพศมีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อเอชไอวี

  • ผู้ที่มาขอรับบริการ Post-Exposure Prophylaxis (PEP) อยู่เป็นประจำ 

หากมีการใช้ PEP อย่างต่อเนื่อง อาจเป็นสัญญาณที่แสดงถึงการเสี่ยงที่สูงขึ้นการทานยา PrEP อาจจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมในการป้องกันโรคเชื้อเอชไอวี

  • ผู้ที่ใช้สารเสพย์ติดชนิดฉีด

การใช้สารเสพย์ติดฉีดเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่เพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชไอวี เนื่องจากอาจพลาดใช้เข็มร่วมกัน

  • ผู้ที่มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ภายใน 6 เดือนที่ผ่านมา 

การมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชไอวี ดังนั้นยา PrEP อาจเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ยา PEP เป็นยาที่ใช้ในการป้องกันการติดเชื้อหลังได้รับเชื้อสาเหตุของโรคบางชนิด เช่น HIV หรือโรคเอดส์

ยา PEP ถูกใช้ในกรณีที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อในกรณีที่มีการสัมผัสต่อเชื้อสาเหตุร้ายแรง เช่น ผู้ที่ได้รับเลือดหรือสารเหลวที่มีเชื้อจากบุคคลที่ติดเชื้อ หรือมีการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ใช้ป้องกัน

เป้าหมายหลักของ PEP คือการลดความเสี่ยงในการติดเชื้อหลังจากการสัมผัสเชื้อ แต่มันไม่ได้เป็นวิธีป้องกันที่มั่นคงที่สุด ดังนั้น ควรติดตามคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ยาอย่างเคร่งครัดตามที่แพทย์รักษาแนะนำ

ยา PEP ควรใช้เป็นยาป้องกัน HIV ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น เนื่องจากในปัจจุบันการป้องกัน HIV นั้นการเตรียมตัวป้องกันก่อนสัมผัสเชื้อ มีความปลอดภัย และมีอัตราการป้องกันการติดเชื้อที่สูงกว่าการใช้ยา PEP สูงกว่ามาก ไม่ว่าจะเป็นการใช้ถุงยางอนามัย หรือแม้กระทั่งยา PrEP ที่เหมาะกับผู้ที่มีแนวโน้มไม่ใช้ถุงยางอนามัยระหว่างการมีเพศสัมพันธ์หรือผู้ที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชไอวีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ยา PrEP มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี และต้องทานตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด การรับประทาน PrEP ทุกวัน ร่วมกับการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง เป็นวิธีป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีที่มีประสิทธิภาพมากถึง 90-99%

การใช้ PrEP ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดอื่นได้เหมือนการใช้ถุงยางอนามัยได้ การใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งในทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการทั้งติดเชื้อเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศอื่นๆ